ทดแทนฟันด้วย รากฟันเทียม ดีอย่างไร?
ทดแทนฟันด้วย รากฟันเทียม ดีอย่างไร?
เมื่อเจอปัญหาสุขภาพฟันหนัก ๆ ที่แก้ไขอะไรไม่ได้ เกินเยียวยาจนต้องถอดใจถอนฟันทิ้ง นอกจากความเสียดายแล้ว สิ่งต่อไปที่ควรนึกถึงคือการหาฟันปลอมเข้ามาทดแทนฟันเดิมที่สูญเสียไป ซึ่งการทดแทนฟันในปัจจุบันมีการรักษาหลาย ๆ รูปแบบ ตั้งแต่ราคาหลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ซึ่งการทำงานของฟันปลอมในรูปแบบต่าง ๆ การใช้งาน ความสะดวกสบายในแต่ละประเภทก็จะแตกต่างกันไป วันนี้ The Orange Dental จะขอพูดถึงการทำรากฟันเทียม การทดแทนฟันธรรมชาติอีก 1 ประเภทที่นิยมกันเป็นอย่างมากในปัจจุบัน สำหรับใครที่กำลังลังเล หรือยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะลงทุนทำรากฟันเทียมดีหรือไม่ ลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของรากฟันเทียม ดูก่อนค่ะ
รากฟันเทียม เป็นฟันปลอมที่ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด
หากเปรียบเทียบกับฟันปลอมประเภทอื่น ๆ แล้ว การทำรากฟันเทียมถือเป็นทดแทนฟันจริงที่ใกล้เคียงกันฟันธรรมชาติมากที่สุด ทั้งในเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกที่ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติซี่เดิมที่ต้องถอนออกไป โดยทันตแพทย์จะนำอุปกรณ์คล้ายสกรูฝั่งเข้าไปในขากรรไกร ตำแหน่งที่ต้องการทดแทนฟัน ซึ่งจะใช้เป็นหลักในการยึดอุปกรณ์ครอบฟัน ทำสะพานฟัน หรือการใส่ฟันปลอม ซึ่งการฝั่งรากฟันเทียมในลักษณะนี้จะทำให้แรงที่ใช้ในการบดเคี้ยวส่งผ่านจากขากรรไกรโดยตรง จึงใกล้เคียงกับแรงบดเคี้ยวจากฟันธรรมชาติมากที่สุด
ใช้ระยะเวลาทำนาน แต่อยู่ได้ตลอดชีวิต
ระยะเวลาในการปลูกรากฟันเทียมจะขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย ตั้งแต่สภาพของกระดูกขากรรไกร จำนวนฟันที่ต้องทำรากฟันเทียมซึ่งต้องมีขั้นตอนตรวจเช็กสุขภาพฟันว่าพร้อมผ่าตัดหรือไม่ มีโรคประจำตัวอะไรบ้าง ซึ่งยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้คนไข้บางกลุ่มไม่สามารถทำรากฟันเทียมได้ ดังนี้
- ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน มะเร็ง (โดยเฉพาะผู้ที่จำเป็นต้องรับการฉายแสงบริเวณใบหน้า)
- ผู้ที่สูบบุหรี่จัด
- ผู้ที่รับยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยไขข้ออักเสบรุนแรง
โดยเบื้องต้นกลุ่มเหล่านี้จะไม่สามารถรับการรักษาแบบรากฟันเทียมได้ เมื่อพูดคุยถึงแผนการรักษาเรียบร้อยจะเป็นขั้นตอนของการผ่าตัดฝั่งรากฟันเทียมโดยส่วนใหญ่จะใช้เวลา 3 – 6 เดือนเพื่อรอให้ยึดติดกับกระดูกสมบูรณ์เสียก่อนจึงเริ่มครอบฟัน ถึงแม้ว่าจะใช้เวลานานกว่าจะสามารถได้ใช้งานจริง แต่การทดแทนฟันชนิดนี้สามารถใช้งานได้เป็น 10 ปี หากดูแลดีอยู่ได้ตลอดชีวิต เพียงแค่ต้องหมั่นดูแลรักษาช่วงแรกที่ทำอาจจะต้องเข้ารับการตรวจเช็กจากทันตแพทย์ทุก ๆ 1 เดือน, 3 เดือน ,6 เดือน และทุก ๆ ปี หลังจากที่ทำรากฟันเทียม
ป้องกันปัญหาฟันล้ม และปัญหาฟันอื่น ๆ ที่จะตามมา
นอกจากความสะดวกสบายเหมือนฟันจริงที่ได้รับแล้ว การทำรากฟันเทียมยังสามารถป้องกันปัญหาฟันอื่น ๆ ที่จะตามมาได้อีกมากมายโดยเฉพาะ “ฟันล้ม” ปัญหาที่เกิดจากแนวแกนของฟันเอียงกว่าปกติ ฟันเคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง มักเกิดขึ้นกับฟันซี่ที่อยู่บริเวณโดยรอบฟันที่ถูกถอนออกไป เมื่อไม่มีฟันมาเติมเต็มช่องวางจึงทำให้ฟันมีโอกาสล้มในที่สุด ซึ่งปัญหาฟันล้มในบางเคสอาจส่งผลไปถึงรากฟัน และเป็นสาเหตุของการเกิดเหงือกอักเสบตามมา
สำหรับใครที่กำลังเคร่งเครียดกับการสูญเสียฟัน และไม่ต้องการที่จะใส่ฟันปลอมแบบถอดได้แบบเดิม ๆ การทำรากฟันเทียมถือเป็นทางออกที่ตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอนค่ะ ถึงแม้ว่าราคาจะสูงกระโดดไปมากกว่าการรักษาแบบอื่น ๆ พอสมควร แต่ถ้าถามถึงสิ่งที่จะได้รับ และความคุ้มค่าจากการใช้งานในระยะยาว ก็ถือเป็นสิ่งที่น่าลงทุนค่ะ
สามารถติดตามสาระความรู้ บทความเกี่ยวกับทันตกรรมเพิ่มเติมได้ทาง https://theorange-dentalclinic.in.th